เสียมเรียบ 3 วัน 2 คืน
(ข้ามด่านช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ)
วันแรกของการเดินทาง : จุดนัดหมาย-ช่องสะงำ-เสียมเรียบ-โตนเลสาบ-สักการะพระองค์เจก องค์จอม
0X.00 น. รับคณะที่จุดนัดหมาย จ.อุบลราชธานี ทีมงานเจ้าหน้าที่ มัคคุเทศก์ คอยต้อนรับและดูแลรับใช้ท่าน จากนั้นออกเดินทางสู่ ด่านพรมแดนช่องสะงำ รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่1)
07.30 น. ถึงจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ด่านช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ
08.30 น. ผ่านพิธีการด่านตรวจคนเข้าเมือง ด่านช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย – ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง จรอกเจือม อำเภออันลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา จากนั้นพาทุกท่านออกเดินไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 67 ของกัมพูชา เพื่อมุ่งหน้าไปยังจังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นเส้นทางที่ลัดที่สุดและมีระยะทางใกล้เสียมเรียบที่สุด ซึ่งถนนเส้นนี้รัฐบาลไทยได้ให้เงินช่วยเหลือในการก่อสร้างถนนลาดยางจาก ช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ ผ่านอำเภออันลองเวง ไปสิ้นสุดที่จังหวัดเสียมเรียบ เป็นระยะทาง 131 กิโลเมตร ทำให้การสัญจรไปมาโดยรถยนต์มีความรวดเร็วและสะดวกสบายมากในปัจจุบัน
อำเภออัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเขมรแดงและเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของอดีตกลุ่มเขมรแดง ภายใต้การนำของ นายพล พอล พต และ นายพล ตา ม็อก อดีตผู้นำเขมรแดง
โดยเขมรแดงได้เข้าร่วมพัฒนาชาติกับรัฐบาลเมื่อปี 2539 ทำให้อำเภออันลองเวง เป็นเมืองธุรกิจหน้าด่านสำคัญทางด้านทิศเหนือของกัมพูชา ในการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคและอุปกรณ์การก่อสร้างจากประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวสู่ดินแดนอารยะธรรมขอมโบราณ เยี่ยมชมสิ่งมหัศจรรย์ของโลก นครวัด-นครธม ซึ่งมีระยะทางใกล้ที่สุด และถนนหนทางสะดวกที่สุด
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่2) ณ ภัตตาคารโตนเลสาบ เป็นอาหารแบบบุฟเฟต์นานาชาติกว่า 60 ชนิด
13.00 น. พาทุกท่านเดินทางสู่ โตนเลสาบหรือทะเลสาบเขมร ซึ่งเป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีระบบนิเวศน์อันอุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งอาหารขนาดใหญ่ ที่หล่อเลี้ยงประชาชนชาวกัมพูชา ล่องเรือชมความกว้าง และความยิ่งใหญ่สุดสายตา เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก จะมีน้ำท่วมครอบคลุมพื้นที่ถึง 7,500 ตารางกิโลเมตร โดยมีระดับน้ำลึก 10 เมตร ความกว้างประมาณ 30 กิโลเมตรและมีความยาวถึง 130 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัด คือ กำปงธม กำปงชะนัง โพธิสัตว์ พระตะบอง และเสียมราฐ ใต้ผืนน้ำอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ปลานานาชนิด ซุกซ่อนอยู่กว่า 300 ชนิด ชมวิถีชีวิตชาวบ้าน/ชาวประมง ที่ดำรงชีวิตบนผืนน้ำ และใช้เรือแพเป็นบ้าน มีทั้งโรงเรียน อู่ต่อเรือ/ซ่อมเรือ โบสถ์คริสต์ ร้านขายของชำลอยน้ำ เป็นต้น
15.00 น. พาทุกท่านแวะกราบสักการะขอพรจาก พระองค์เจก พระองค์จอม ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของประเทศกัมพูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต หลังจากนั้น เราจะพาทุกท่าน แวะชมร่องรอย Killing Field อดีตยุคมืดของกัมพูชา สมัยเขมรแดง (3 ปี 8 เดือน 20วัน) ที่วัดใหม่ หรือวัดเทพโพธิวงศ์ ในตัวอำเภอเมืองเสียมเรียบ และแผ่เมตตาจิตอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้ล่วงลับ
16.40 น. พาทุกท่านไปที่ จุดจำหน่ายตั๋วชมปราสาท เพื่อถ่ายรูปติดบัตรประจำตัว สำหรับการเที่ยวชมความยิ่งใหญ่อลังการสิ่งมหัศจรรย์ของโลก นครวัด-นครธม และปราสาทโบราณต่างๆในวันที่สองของการเดินทาง
18.00น. พาทุกท่านรับประทานอาหารเย็น (มื้อที่3) ณ ภัตตาคารโตนเลแม่โขง อาหารแบบบุฟเฟต์นานาชาติ มากกว่า 60 ชนิด และชมศิลปะการแสดงพื้นเมืองของกัมพูชา อันสวยงาม
20.00 น. เช็คอินเข้าที่พัก เดินท่องราตรีหรือพักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่สอง : นครธม-ปราสาทตาพรหม-ปราสาทบันทายศรี-นครวัด
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่4) ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
08.00 น. ออกเดินทางจากโรงแรม พาทุกท่านออกเดินทางเที่ยวชมทัศนียภาพยามเช้าๆ ของเสียมเรียบ และนำทุกท่านออกเดินทางมุ่งสู่ เมืองพระนครธม นั่งรถข้ามผ่าน สะพานนาคราช ซึ่งด้านซ้ายเป็นศิลาสลักเป็นรูปเทวดากำลังฉุดนาค และด้านขวาแกะสลักเป็นรูปอสูรขนาดใหญ่ ผ่านประตูเมืองทิศใต้ ซึ่งมีการแกะสลักรูปพระโพธิสัตว์อวโลกกิเตศวระ ประดิษฐานอยู่บนประตูเมือง ปราสาทนครธม เป็นเมืองหลวงในอดีตสมัยอาณาจักรพระนคร โดยมี ปราสาทบายน เป็นศูนย์กลางแห่งเมืองพระนคร พาทุกท่านสัมผัสพลังแห่งมนต์ขลังจากรอยยิ้มแบบบายนที่เปี่ยมไปด้วยพรหมวิหารธรรม และความอ่อนโยนของรูปสลักใบหน้าของพระโพธิสัตว์ขนาดใหญ่จำนวน 54 ยอด (5+4=9) โดยแต่ละยอดจะแกะสลักเป็นพระพักตร์ 4 หน้า ซึ่งหันพระพักตร์ออกไปทอดพระเนตร เพื่อดูแลทุกข์สุขของประชาชนทั้ง 4 ทิศ รวมพระพักตร์ทั้งสิ้น 216 หน้า (2+1+6=9)
10.30 น. มุ่งสู่ ปราสาทตาพรหม หรือ ราชวิหาร สร้างในปี พ.ศ. 1729 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่ออุทิศถวายแด่พระราชมารดา ชมความงดงามของต้นไม้ขนาดใหญ่และรากไม้เลื้อยพันเกาะเกี่ยวปกคลุมตามตัวปราสาท มองดูแล้วช่างแสนมหัศจรรย์ยิ่งนัก
11.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่5)
13.00 น. นำทุกท่านไปชม ปราสาทบันทายศรี ซึ่งสร้างขึ้นตอนปลายสมัย พระเจ้าราเชนทรวรมัน ใน พ.ศ. 1489 ถึงสมัย พระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ซึ่งเป็นพระราชโอรส แต่คนที่สร้างต่อจนเสร็จเป็นพราหมณ์ชื่อ ราชครูยัชญวราหะ ตัวปราสาท สร้างในแนวราบ เป็นปราสาทหลังเล็กๆ กลุ่มหนึ่งที่สร้างด้วยหินทรายสีชมพู แกะสลักภาพอย่างวิจิตรพิสดาร และมีความงดงามมาก ปราสาทนี้ชาวเขมรเรียกว่า “บ็อนเตียย-เซร็ย” แปลว่าได้ 2 ความหมาย ความหมายแรกคือ ฐานที่มั่นของสตรี และความหมายที่สอง แปลว่า ฐานที่มั่นแห่งความดีงาม นั่นเอง
15.00 น. นำท่านชมสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ปราสาทนครวัด ที่เปรียบเสมือนวิมานของเทพเจ้าสูงสุดที่บรรจงย่อส่วนลงมาประดิษฐานไว้ในโลกมนุษย์ ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ไฮไลท์ของการเดินทางในทริปนี้ สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 1656 – 1693 โดย พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เพื่อถวายแด่พระวิษณุ(พระนารายณ์) ใช้เวลาสร้าง 37 ปี
เดิมนครวัดเป็นเทวสถานของศาสนาฮินดู ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระวิษณุ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นศาสนาพุทธ นครวัดเป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ตัวเทวสถานถือเป็นที่สุดของสถาปัตยกรรมเขมรสมัยคลาสสิกรุ่งเรือง และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศกัมพูชา โดยปรากฏในธงชาติ และเป็นจุดท่องเที่ยวหลักของประเทศ ตลอดจนได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ เมืองพระนคร
ปราสาทนครวัด มีขนาดใหญ่มากถึง 200,000 ตารางเมตร ตัวปราสาทสูง 60 เมตร ยาว 100 เมตร และกว้าง 80 เมตร มีแผนผังที่ถือว่าเป็นวิวัฒนาการขั้นสุดยอดของปราสาทขอม มีปราสาท 5 หลัง ตั้งอยู่บนฐานสูงตามคติของศูนย์กลางจักรวาล มีกำแพงด้านนอกยาวด้านละ 1.5 กิโลเมตร มีคูน้ำล้อมรอบตามแบบ มหาสมุทรบนสวรรค์ที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ ใช้ก้อนหินในการก่อสร้างรวม 600,000 ลูกบาศก์เมตร ใช้แรงงานช้างกว่า 40,000 เชือก และเกณฑ์แรงงานคนนับแสนเพื่อขนหินและชักลากหิน มาจากเขาพนมกุเลน ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ชึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 50 กิโลเมตร มาสร้างปราสาทแห่งนี้
ปราสาทนครวัด มีเสา 1,800 ต้น ใช้ช่างแกะสลัก 5,000 คน ทางด้านกำแพงชั้นนอกรอบปราสาทนั้น มีความยาวกว่า 800 เมตร มีงานแกะสลักเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 และเรื่องราวจากวรรณคดีเรื่อง รามายณะ รูปแกะสลักที่มีชื่อที่สุดก็คือ รูปที่เทวดากับอสูรร่วมกันกวนเกษียรสมุทรด้วยเขาพระสุเมรุ และยังมีรูปแกะสลักนางอัปสรอีกถึง 1,635 นาง ที่ทั้งหมดแต่งกายและทรงผมไม่ซ้ำกันเลย
19.00 น. รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่6) กลับโรงแรมที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่สาม : วัดพระพรหมรัตน์-ตลาดซาจ๊ะ-ด่านช่องสะงำ-ศรีสะเกษ
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่7) ณ โรงแรมที่พัก พร้อมเช็คเอาท์ นำสิ่งของ และสัมภาระออกจากโรงแรม จากนั้นพาทุกท่านออกเดินทางเที่ยวชมทัศนียภาพยามเช้าๆ ของจังหวัดเสียมเรียบ
08.00 น. พาท่านแวะทำบุญร่วมและเยี่ยมชมวัดพัฒนาตัวอย่าง วัดพระพรหมรัตน์ ซึ่งเป็นวัดที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดเสียมเรียบ ชมความงดงามของลวดลายสถาปัตยกรรมแบบเขมร พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ และมหากุฏิจารึกพระไตรปิฏก 84,000 พระธรรมขันธ์ โดยรอบผนังที่สวยงามชมภาพจิตรกรรมฝาผนังปูนปั้นนูนต่ำ เล่าเรื่องพระพุทธประวัติ ตั้งแต่ต้นจนจบ และกราบไหว้ขอพรจากพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ 2 องค์ ในพระอุโบสถ คือหลวงพ่อโต และพระนอนศักดิ์สิทธิ์ “หลวงพ่อจังหันอุ่น” โบราณอายุกว่า 600 ปี ประพรมน้ำพระพุทธมนต์เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต จากพระเกจิอาจารย์ของวัดพระพรหมรัตน์
จากนั้นพาท่านไปเดินตลาด ซาจ๊ะ ซื้อของฝากและสินค้าของที่ระลึก ราคาประหยัดกลับบ้าน อาทิเช่น เครื่องเงิน เสื้อผ้าพื้นเมือง ปลาแห้งและปลากรอบ ฯลฯ
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่8) ก่อนออกเดินทางกลับด่าน ในจังหวัดเสียมเรียบ
13.00 น. เดินทางสู่ด่านพรมแดนช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ
15.30 น. ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองที่ด่านพรมแดน “ช่องสะงำ” อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ จากนั้นออกเดินทางส่งคณะที่จุดหมายโดยสวัสดิภาพ และประทับใจ
อัตราค่าบริการ …. ท่าน อัตราท่านละ ……… บาท
- สอบถามราคาได้โดยตรงกับเจ้าของทัวร์ มีราคาพิเศษสำหรับทุกๆกลุ่มการเดินทาง
อัตรานี้รวม :
- ค่าผ่านแดน ไทย-กัมพูชา
- ค่าธรรมเนียม ตม./ศก. ไทย-กัมพูชา
- ค่าอาหารที่ระบุในรายการ 8 มื้อ
- ค่าโรงแรมที่พักในเสียมเรียบ 2คืน
- ค่ารถบัส/รถตู้ VIP นำเที่ยวตลอดการเดินทาง
- ค่ามัคคุเทศก์ท้องถิ่น บรรยายภาษาไทย
- ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ
- น้ำดื่มและผ้าเย็นตลอดการเดินทาง
- ค่าประกันอุบัติเหตุการเดินทาง
- ค่าตั๋วล่องเรือชมโตนเลสาบ
อัตรานี้ไม่รวม :
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆนอกเหนือที่ระบุในรายการ
- ค่ามินิบาร์ในห้องพัก
หมายเหตุ :
- ใช้พาสปอร์ตในการเดินทางเท่านั้น และพาสปอร์ตต้องเหลืออายุมากกว่า 6 เดือน เต็ม
- รายการอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม โดยยึดถือประโยชน์ของผู้เดินทางเป็นสำคัญ
รีวิว
ยังไม่มีบทวิจารณ์